Bid, Ask และ Spread คืออะไร? เข้าใจต้นทุนการเทรด Forex

สารบัญ
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมพอเปิดออเดอร์ปุ๊บ พอร์ตถึงติดลบทันที ทั้งที่ราคายังไม่ทันขยับ? หรือเคยงงกับตัวเลขราคาซื้อ-ราคาขายที่ต่างกันอยู่เล็กน้อยบนหน้าจอเทรดของคุณหรือเปล่า?
ถ้าใช่ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวครับ! สำหรับนักเทรดมือใหม่ในตลาด Forex หรือ CFD สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นอันดับแรกๆ คือแนวคิดของ Bid, Ask และ Spread เพราะนี่คือหัวใจสำคัญในการมองเห็น ‘ต้นทุนที่แท้จริง’ ในทุกการเทรดของคุณ บทความนี้จะสรุปให้คุณเข้าใจแบบหมดเปลือก พร้อมนำไปใช้เทรดได้อย่างมั่นใจขึ้น!
Bid Price: ราคาที่ตลาด “รับซื้อ” (คุณ “ขาย” ได้)
ง่ายๆ เลย Bid Price คือ ราคาที่ตลาด หรือโบรกเกอร์ของคุณ ยินดีที่จะ “ซื้อ” สินทรัพย์นั้นๆ จากคุณ คิดง่ายๆ เหมือนเวลาคุณเอาทองไปขายร้านทองนั่นแหละครับ ร้านทองจะมี “ราคารับซื้อคืน” นั่นคือราคา Bid
เมื่อไหร่ที่คุณใช้ราคา Bid?
เมื่อคุณต้องการ “ขาย” (Sell) สินทรัพย์ เช่น คุณมีคู่เงิน EUR/USD อยู่แล้ว และต้องการทำกำไรด้วยการขายออกไป ออเดอร์ของคุณจะถูกจับคู่ที่ราคา Bid นี่แหละครับ
Ask Price: ราคาที่ตลาด “เสนอขาย” (คุณ “ซื้อ” ได้)
ตรงกันข้ามกับ Bid, Ask Price คือ ราคาที่ตลาด หรือโบรกเกอร์ของคุณ ยินดีที่จะ “ขาย” สินทรัพย์นั้นๆ ให้กับคุณ เปรียบเหมือน “ราคาขายออก” ของร้านทอง ที่คุณต้องจ่ายเมื่อต้องการซื้อทองกลับมา
เมื่อไหร่ที่คุณใช้ราคา Ask?
เมื่อคุณต้องการ “ซื้อ” (Buy) สินทรัพย์ เช่น คุณต้องการเปิดสถานะซื้อคู่เงิน EUR/USD ออเดอร์ของคุณจะถูกจับคู่ที่ราคา Ask เสมอครับ
ข้อสังเกตสำคัญ: คุณจะเห็นว่า ราคา Ask มักจะสูงกว่าราคา Bid เสมอ (Ask > Bid) นี่คือเรื่องปกติในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น Forex, หุ้น หรือทองคำ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของกลไกตลาด และเป็นช่องทางทำกำไรของ Market Maker หรือโบรกเกอร์นั่นเอง
Spread คืออะไร? (ต้นทุนที่แท้จริงของการเทรด)
เมื่อเข้าใจ Bid และ Ask แล้ว Spread ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!
Spread คือ ส่วนต่างระหว่างราคา Ask และ Bid (Ask Price – Bid Price = Spread)
Spread นี่แหละครับคือ “ต้นทุน” หรือ “ค่าธรรมเนียม” หลักๆ ที่คุณต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ในทุกครั้งที่คุณเปิดออเดอร์ เหมือนค่าบริการเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณจ่ายให้กับร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย
ทำไม Spread ถึงสำคัญ?
ทันทีที่คุณเปิดออเดอร์ (ไม่ว่าจะ Buy หรือ Sell) ออเดอร์ของคุณจะถูกเปิดที่ราคาที่ ‘เสียเปรียบ’ เล็กน้อยจากราคาตลาด ทำให้คุณ ติดลบทันทีที่เปิดออเดอร์ จำนวนติดลบนี้ก็คือค่า Spread นั่นเองครับ กว่าออเดอร์ของคุณจะเริ่มทำกำไรได้ ราคาต้องเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณต้องการ จนกระทั่งครอบคลุมค่า Spread ที่คุณจ่ายไปแล้ว
ประเภทของ Spread ที่ควรรู้
Fixed Spread (สเปรดคงที่) สเปรดที่มีค่าคงที่ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไร
เหมาะกับ: นักเทรดมือใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความแน่นอนในต้นทุน
Floating / Variable Spread (สเปรดลอยตัว) สเปรดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด
- ปัจจัยที่ทำให้สเปรดกว้างขึ้น:
- ช่วงประกาศข่าวสำคัญ: เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ (Non-Farm Payroll)
- ช่วงที่ตลาดปิด/สภาพคล่องต่ำ: เช่น ช่วงวันหยุด หรือรอยต่อระหว่างวัน
- สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ: คู่เงินแปลกๆ หรือสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด
- เหมาะกับ: นักเทรดที่มีประสบการณ์ และเข้าใจความผันผวนของตลาดดี
- ปัจจัยที่ทำให้สเปรดกว้างขึ้น:
ทำไมต้องเข้าใจ Bid, Ask และ Spread? (สำคัญกว่าที่คุณคิด)
การเข้าใจเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ไม่ใช่แค่รู้ไว้ใช่ว่า แต่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการเทรดของคุณ:
มองเห็นต้นทุนที่แท้จริง: คุณจะเข้าใจว่าทำไมพอร์ตถึงติดลบทันทีที่เปิดออเดอร์ และสามารถนำไปคำนวณจุดคุ้มทุน (Breakeven) ได้อย่างถูกต้อง
เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม: โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีค่า Spread ที่แตกต่างกัน การรู้เรื่องนี้ช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ที่มีต้นทุนเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ (เช่น Scalper ต้องการ Spread ต่ำมาก)
วางแผนการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ: ช่วยในการตัดสินใจเข้า-ออกออเดอร์ได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องวาง Stop Loss หรือ Take Profit ที่มีระยะห่างน้อยๆ
บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น: เมื่อเข้าใจว่าค่า Spread คือต้นทุนแรกเริ่ม คุณจะสามารถปรับขนาดล็อต (Lot Size) หรือกลยุทธ์การบริหารเงินทุนของคุณให้เหมาะสมได้
สรุป
Bid, Ask และ Spread ไม่ใช่แค่ศัพท์เทคนิค แต่คือองค์ประกอบพื้นฐานที่คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการเทรด Forex และ CFD Bid คือราคาที่คุณขายได้ Ask คือราคาที่คุณซื้อได้ และ Spread คือส่วนต่างระหว่างสองราคานี้ ซึ่งเป็น ต้นทุนที่คุณต้องจ่าย
การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณ
- มองเห็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่
- เลือกโบรกเกอร์และสินทรัพย์ได้ชาญฉลาด
- และวางแผนการเทรดได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น
จำไว้ว่า “ความชัดเจนสำคัญกว่าความฉลาด” การเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง จะนำไปสู่การเทรดที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพในระยะยาว