Facebook
Twitter
LinkedIn

Bid, Ask และ Spread คืออะไร? เข้าใจต้นทุนการเทรด Forex

สารบัญ

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมพอเปิดออเดอร์ปุ๊บ พอร์ตถึงติดลบทันที ทั้งที่ราคายังไม่ทันขยับ? หรือเคยงงกับตัวเลขราคาซื้อ-ราคาขายที่ต่างกันอยู่เล็กน้อยบนหน้าจอเทรดของคุณหรือเปล่า?

ถ้าใช่ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวครับ! สำหรับนักเทรดมือใหม่ในตลาด Forex หรือ CFD สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นอันดับแรกๆ คือแนวคิดของ Bid, Ask และ Spread เพราะนี่คือหัวใจสำคัญในการมองเห็น ‘ต้นทุนที่แท้จริง’ ในทุกการเทรดของคุณ บทความนี้จะสรุปให้คุณเข้าใจแบบหมดเปลือก พร้อมนำไปใช้เทรดได้อย่างมั่นใจขึ้น!

Bid Price: ราคาที่ตลาด “รับซื้อ” (คุณ “ขาย” ได้)

ง่ายๆ เลย Bid Price คือ ราคาที่ตลาด หรือโบรกเกอร์ของคุณ ยินดีที่จะ “ซื้อ” สินทรัพย์นั้นๆ จากคุณ คิดง่ายๆ เหมือนเวลาคุณเอาทองไปขายร้านทองนั่นแหละครับ ร้านทองจะมี “ราคารับซื้อคืน” นั่นคือราคา Bid

  • เมื่อไหร่ที่คุณใช้ราคา Bid?

    • เมื่อคุณต้องการ “ขาย” (Sell) สินทรัพย์ เช่น คุณมีคู่เงิน EUR/USD อยู่แล้ว และต้องการทำกำไรด้วยการขายออกไป ออเดอร์ของคุณจะถูกจับคู่ที่ราคา Bid นี่แหละครับ

Ask Price: ราคาที่ตลาด “เสนอขาย” (คุณ “ซื้อ” ได้)

ตรงกันข้ามกับ Bid, Ask Price คือ ราคาที่ตลาด หรือโบรกเกอร์ของคุณ ยินดีที่จะ “ขาย” สินทรัพย์นั้นๆ ให้กับคุณ เปรียบเหมือน “ราคาขายออก” ของร้านทอง ที่คุณต้องจ่ายเมื่อต้องการซื้อทองกลับมา

  • เมื่อไหร่ที่คุณใช้ราคา Ask?

    • เมื่อคุณต้องการ “ซื้อ” (Buy) สินทรัพย์ เช่น คุณต้องการเปิดสถานะซื้อคู่เงิน EUR/USD ออเดอร์ของคุณจะถูกจับคู่ที่ราคา Ask เสมอครับ

ข้อสังเกตสำคัญ: คุณจะเห็นว่า ราคา Ask มักจะสูงกว่าราคา Bid เสมอ (Ask > Bid) นี่คือเรื่องปกติในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น Forex, หุ้น หรือทองคำ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของกลไกตลาด และเป็นช่องทางทำกำไรของ Market Maker หรือโบรกเกอร์นั่นเอง

Spread คืออะไร? (ต้นทุนที่แท้จริงของการเทรด)

เมื่อเข้าใจ Bid และ Ask แล้ว Spread ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!

Spread คือ ส่วนต่างระหว่างราคา Ask และ Bid (Ask Price – Bid Price = Spread)

Spread นี่แหละครับคือ “ต้นทุน” หรือ “ค่าธรรมเนียม” หลักๆ ที่คุณต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ในทุกครั้งที่คุณเปิดออเดอร์ เหมือนค่าบริการเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณจ่ายให้กับร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย

ทำไม Spread ถึงสำคัญ?

ทันทีที่คุณเปิดออเดอร์ (ไม่ว่าจะ Buy หรือ Sell) ออเดอร์ของคุณจะถูกเปิดที่ราคาที่ ‘เสียเปรียบ’ เล็กน้อยจากราคาตลาด ทำให้คุณ ติดลบทันทีที่เปิดออเดอร์ จำนวนติดลบนี้ก็คือค่า Spread นั่นเองครับ กว่าออเดอร์ของคุณจะเริ่มทำกำไรได้ ราคาต้องเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คุณต้องการ จนกระทั่งครอบคลุมค่า Spread ที่คุณจ่ายไปแล้ว

ประเภทของ Spread ที่ควรรู้

  • Fixed Spread (สเปรดคงที่) สเปรดที่มีค่าคงที่ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไร

    • เหมาะกับ: นักเทรดมือใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความแน่นอนในต้นทุน

  • Floating / Variable Spread (สเปรดลอยตัว) สเปรดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด

    • ปัจจัยที่ทำให้สเปรดกว้างขึ้น:
      • ช่วงประกาศข่าวสำคัญ: เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ (Non-Farm Payroll)
      • ช่วงที่ตลาดปิด/สภาพคล่องต่ำ: เช่น ช่วงวันหยุด หรือรอยต่อระหว่างวัน
      • สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ: คู่เงินแปลกๆ หรือสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด
    • เหมาะกับ: นักเทรดที่มีประสบการณ์ และเข้าใจความผันผวนของตลาดดี

ทำไมต้องเข้าใจ Bid, Ask และ Spread? (สำคัญกว่าที่คุณคิด)

การเข้าใจเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ไม่ใช่แค่รู้ไว้ใช่ว่า แต่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการเทรดของคุณ:

  1. มองเห็นต้นทุนที่แท้จริง: คุณจะเข้าใจว่าทำไมพอร์ตถึงติดลบทันทีที่เปิดออเดอร์ และสามารถนำไปคำนวณจุดคุ้มทุน (Breakeven) ได้อย่างถูกต้อง

  2. เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม: โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีค่า Spread ที่แตกต่างกัน การรู้เรื่องนี้ช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ที่มีต้นทุนเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ (เช่น Scalper ต้องการ Spread ต่ำมาก)

  3. วางแผนการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ: ช่วยในการตัดสินใจเข้า-ออกออเดอร์ได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องวาง Stop Loss หรือ Take Profit ที่มีระยะห่างน้อยๆ

  4. บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น: เมื่อเข้าใจว่าค่า Spread คือต้นทุนแรกเริ่ม คุณจะสามารถปรับขนาดล็อต (Lot Size) หรือกลยุทธ์การบริหารเงินทุนของคุณให้เหมาะสมได้

สรุป

Bid, Ask และ Spread ไม่ใช่แค่ศัพท์เทคนิค แต่คือองค์ประกอบพื้นฐานที่คุณต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการเทรด Forex และ CFD Bid คือราคาที่คุณขายได้ Ask คือราคาที่คุณซื้อได้ และ Spread คือส่วนต่างระหว่างสองราคานี้ ซึ่งเป็น ต้นทุนที่คุณต้องจ่าย

การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณ

  • มองเห็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่
  • เลือกโบรกเกอร์และสินทรัพย์ได้ชาญฉลาด
  • และวางแผนการเทรดได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น

จำไว้ว่า “ความชัดเจนสำคัญกว่าความฉลาด” การเข้าใจพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง จะนำไปสู่การเทรดที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพในระยะยาว

Facebook
Twitter
LinkedIn
Scroll to Top